กรมสรรพสามิต เล็งเก็บภาษีความเค็มหลังพบคนไทยบริโภคโซเดียมเกินมาตรฐานแพทย์แนะนำ

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างหารือกับกลุ่มแพทย์ และสาธารณสุข เรื่องการจัดเก็บภาษีความเค็ม โดยจะพิจารณาจัดเก็บภาษีตามปริมาณโซเดียมที่ผสมอยู่ เนื่องจากยังไม่มีสินค้าในพิกัดกรมที่ชัดเจนว่าจะเก็บภาษีได้ ดังนั้น ต้องดูว่ามีผลิตภัณฑ์อะไรที่คนไทยบริโภคเยอะ และมีโซเดียมซึ่งอาจจะต้องเพิ่มพิกัดใหม่ และการพิจารณามาตรฐานวัดโซเดียมว่าคนหนึ่งคน ไม่ควรบริโภคโซเดียมเกินวันละเท่าไหร่ เป็นหลักในการเก็บภาษีความเค็ม

“จากการหารือกับทางหมอพบว่า คนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ย 3,600 กรัมต่อคนต่อวัน ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่แพทย์แนะนำ คือที่ 2,000 กรัมต่อคนต่อวัน ดังนั้นกรมฯจึงสนใจที่จะเก็บภาษีความเค็ม เพื่อช่วยในการเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทย ในบริโภคโซเดียมลดลง อย่างไรก็ดี การเก็บภาษีความเค็มไม่ได้หมายความว่ากรมฯจะเข้าไปเก็บภาษีสินค้าทุกอย่าง เพราะอย่างก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ที่มีความเค็มบางส่วนผสมอยู่ กรมฯก็ไม่ได้เข้าไปเก็บภาษี”

ส่วนแนวทางการเก็บภาษี จะเป็นเช่นเดียวภาษีน้ำตาลคือ ยิ่งมีโซเดียมสูง ยิ่งเสียภาษีเยอะ ส่วนหากมีส่วนผสมความเค็มต่ำก็จะเสียภาษีถูก เพื่อต้องลดการบริโภคโซเดียม เช่นเดียวกับที่คนไทยลดการบริโภคน้ำตาล รวมทั้งมีการกำหนดอัตราเป็นขั้นบันได เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้ โดยอาจเริ่มจากสินค้าอุตสาหกรรมก่อน อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งไม่มีในพิกัด แต่เมื่อมีการจัดเก็บภาษีความเค็มก็เพิ่มพิกัดสินค้าใหม่

นายเอกนิติกล่าวว่า ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้ดำเนินการเรื่องภาษีความหวานไปแล้ว ซึ่งการจัดเก็บภาษีดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรม บริโภคความหวานลดลง เนื่องจากสินค้าเครื่องดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลมบรรจุขวดนั้น มีปริมาณน้ำตาลเป็นส่วนผสมอยู่มาก จึงได้เริ่มการจัดเก็บภาษีความหวาน เพื่อช่วยสังคมคนไทย ลดโอกาสเป็นโรคเบาหวาน


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar