ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดในอีก 11 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวิกฤตของประเทศ ที่สำคัญยังมีข้อมูลด้วยว่า มีแรงงานนอกระบบมากถึง 52% ซึ่งกลุ่มนี้ไม่มีสวัสดิการ เมื่อเกษียณอายุแล้ว ในระยะยาวจะกระทบต่อรัฐในการจัดสรรงบประมาณโดยเฉพาะด้านสุขภาพ ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมกันพัฒนากำลังคนให้ทำงานได้เต็มตามศักยภาพตั้งแต่วัยเยาว์
นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จากข้อมูลชี้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อย และกำลังจะกลายเป็นวิกฤติหนักของประเทศในทศวรรษหน้า คือ ในอีก 11 ปีข้างหน้าผู้สูงอายุของไทยจะสูงขึ้นเป็น 28% (มากกว่าปัจจุบันราว 10%) ซึ่งในทางวิชาการจะใช้ศัพท์ที่เรียกว่าสังคมสูงอายุระดับสุดยอด และปัจจุบันมีผู้สูงอายุ 19.2% อาศัยรายได้จากเบี้ยยังชีพจากราชการที่อัตราเพียงเดือนละ 600 -1,000 บาทต่อคนเท่านั้น
ส่วนภาคการผลิตแรงงาน (Labour Productivity) พบว่า ผลิตภาพแรงงานต่อชั่วโมงของไทยมีทิศทางลดลงและปรับเป็นระดับหดตัวในปี 2563 ในอัตราร้อยละ -1.89 และจากการจัดอันดับของโดย Institute for Management Development (IMD) ปี2564 ผลิตภาพแรงงานของไทยอยู่ในอันดับที่ 40 จาก 64 ประเทศ
ปี 2562 ไทยมีกลุ่มเยาวชนว่างงานและนอกระบบการศึกษา (NEET) เยาวชนอายุ 15-24 ปี ที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงาน และการฝึกอบรม มากถึง 1.3 ล้านคน (14% ของเยาวชนไทย) และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 1% 4.ปี 2564 ไทยมีแรงงานฝีมือเพียง 14.4% และมีแรงงานนอกระบบมากถึง 52% ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้ไม่มีสวัสดิการ เมื่อเกษียณอายุแล้วย่อมส่งผลกับการดำรงชีวิต ในระยะยาวจะกระทบต่อรัฐในการจัดสรรงบประมาณโดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณด้านสุขภาพ
“ข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้ว่า หากปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามภาวะปกติ ในทศวรรษหน้าเราจะเผชิญปัญหาหนัก และปัญหานี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงภาคการศึกษาเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบกับภาคอื่น ๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่ามีช่องว่างที่เราสามารถเข้าไปพัฒนา คือการเตรียมพัฒนากำลังคนให้ทำงานได้เต็มตามศักยภาพ ซึ่งการพัฒนากำลังคนเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและเตรียมการตั้งแต่วัยเยาว์ จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญและร่วมกับศธ.ในการเตรียมพัฒนากำลังคนอย่างเต็มกำลังเพื่อให้ประเทศก้าวผ่านวิกฤตินี้” ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่